Dead Space History : จุดเริ่มต้นอวกาศมรณะ



Dead Space คือเกมแนว third-person survival horror action ที่พัฒนาโดย EA Redwood Shores (Visceral Games) สำหรับ PlayStation 3, Xbox 360, และ Microsoft Windows ถูกปล่อยออกมาเมื่อ 14 ตุลาคม 2008 บนคอนโซลและ 20 ตุลาคมสำหรับ Windows ซึ่งผู้เล่นจะได้รับบทบาทของวิศวกรที่ชื่อว่า "ไอแซค คลาร์ก" ที่ต่อสู้กับพวก Undead Polymorphism (ภาวะหลายรูปแบบ) ที่เรียกว่า 'Necromorphs' บนยานขุดเจาะเหมืองแร่ดวงดาวชื่อ USG Ishimura


  

จุดกำเนิด The Marker แท่งมรณะ 




  1. Black Marker

ในประวัติศาสตร์ของ Dead Space นั้น จะมีอยู่ทั้งหมด 2 ตัวคือ Black Marker กับ Red Marker ตัว Red Marker นั้นเราได้เห็นในเกม Dead Space ภาคแรก รวมถึง Dead Space : Downfall ที่เป็นการ์ตูนBlack Marker นั้น มีมนุษย์แค่ไม่กี่คนได้พบเห็นมันจริงๆ หนึ่งในนั้นคือ Michael Altman ผู้ซึ่งเป็นศาสดาของลัทธิ (หรือศาสนา) Unitology ซึ่งเป็นศาสนาที่มีอิทธิพลมากที่สุดในจักรวาลของ Dead Space สถานที่พบ Black Marker ก็ไม่ใช่ที่ใดอื่น คือที่ "โลก" ของเรานั่นเอง เรื่องราวของ Black Marker จะควบคู่ไปกับต้นกำเนิดของศาสนา Unitology ในภายหลัง และเป็นเหตุการณ์ของ Dead Space : Martyr ซึ่งเป็น Dead Space ฉบับนิยาย






ในหมู่บ้าน Chicxulub (น่าจะอ่านว่า ชิก-ซู-ลับ) มีเด็กชายคนนึงนามว่าชาวา เกิดอาการนอนไม่หลับ จึงออกไปเดินเล่นยามค่ำที่ชายหาด เด็กคนนั้นค้นพบสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาด แต่คล้ายมนุษย์คนนึง คลานอยู่บนชายหาดและปล่อยก๊าซพิษออกมา ชาวาจึงตัดสินใจวิ่งกลับไปที่หมู่บ้านและไปบอกคนในหมู่บ้านมาดูเจ้าสิ่งมีชีวิต ประหลาดตัวนี้ ด้วยความติ่นกลัวของแม่ของชาวา จึงสั่งให้ไปเรียก "Bruja" (ภาษาสเปนแปลว่าแม่มดครับ) มา เมื่อแม่หมอประจำหมู่บ้านมาก็ทำพิธีคือ ร่ายอาคม และก็เต้นระบำไล่ภูตผี โดยคนอื่นๆ ในหมู่บ้านก็มาเต้นตามด้วย หลังจากเสร็จพิธี แม่หมอจึงสั่งให้เผาเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้ทันที แม่หมอ (หรือหมอผี) ก็ได้เล่าให้ชาวา ฟังว่า Chicxulub แปลว่า "หางของปีศาจ" หลังจากเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ถูกเผาจนตายแล้ว ชาวาก็พาแม่หมอกลับไปที่บ้าน ระหว่างเดินทางมานั้นเขา(Chava) เห็นภาพหลอน และเสียงแว่วๆ มาจนพลัดหลงกับแม่หมอ ชาวาจึงตัดสินใจไปบ้านของเธอ เพื่อให้ชัวร์ว่าปลอดภัยแน่ๆ แต่พอเข้าไปในบ้านชาวาก็ตกใจเพราะเห็นในบ้านเต็มไปด้วยเลือด และสัญลักษณ์แปลกประหลาดที่วาดด้วยเลือด และก็พบศพของแม่หมอซึ่งฆ่าตัวตายด้วยการปาดคอตนเอง ชาวาจึงหนีออกจากบ้านไป 

ต่อมานิยายจะโฟกัสต่อไปที่ Michael Altman ซึ่งทำงานอยู่ในบริเวณ Chicxulub เช่นกัน (ชิกซูลับนั้นอยู่แถวบริเวณประเทศ Mexico  เป็นหลุมอุกกาบาตโบราณขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 180 กิโลเมตร) อัลล์แมนกับเพื่อนร่วมงานของเขา James Field พบสัญญาณผิดปกติจากศูนย์กลางของหลุมอุกกาบาต เป็นเวลาหลายวันที่เขาค้นหาต้นตอของสัญญาณ แต่ก็ไม่พบ อัลล์แมนไม่ยอมแพ้ในเรื่องนี้จึงสอบถามคนในหมู่บ่าน แต่แล้ววันหนึ่ง อัลล์แมนได้รับโทรศัพท์จากบุคคลนิรนาม  บอกให้อัลล์แมนไปที่บาร์แห่งหนึ่งในเวลา 2 ทุ่มคืนนั้น อัลล์แมนเชื่อว่ามันเป็นโทรศัพท์ก่อกวน เขาตัดสินใจกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านก็พูดคุยกับ Ada Chavez เกี่ยวกับงานและเรื่องราวในวันนี้ ทั้งข่าวลือที่ว่า ณ จุดศูนย์กลางอุกกาบาตมี"หางปีศาจ" อยู่  อัลล์แมนเริ่มคิดว่ามีอะไรที่นอกเหนือจากความผิดปกติของสัญญาณ เขาจึงตัดสินใจไปตามนัดของชายนิรนาม


เมื่ออัลล์แมนเดินทางไปถึง เขาก็พบกับ Charles Hammond เขาแนะนำตนเองว่าเป็นพนักงานที่ถูกจ้างโดยบริษัท DredgerCorp บริษัทขุดแร่และหาทรัพยากรธรรมชาติ แฮมมอนด์เล่าว่าระหว่างการทำงานเขาก็พบกับสัญญาณแบบเดียวกับที่อัลล์แมนเจอ ณ จุดศูนย์กลาง และเขาลองสอบถามคนอื่นๆ ว่าพบสัญญาณหรือไม่และก็เป็นจริงคนอื่นพบสัญญาณแบบเดียวกันหมดแฮมมอนด์รายงานเรื่องนี้ให้ DredgerCorp ทราบแต่ DredgerCorp กลับถามว่าไปเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังหรือเปล่า และแสดงท่าทางผิดปกติ แฮมมอนด์เริ่มสงสัยใน DredgerCorp และสัญญาณดังกล่าว  แฮมมอนด์คิดว่ามันต้องไม่เป็นอะไรที่มนุษย์สร้างขึ้นแน่นอน  
หลังการสนทนาทั้งคู่ก็แยกย้ายกันกลับ ระหว่างเดินอยู่บนถนนกลางดึก แฮมมอนด์ปวดหัวอย่างรุนแรง และได้ยินเสียงกระซิบลึกลับ แฮมมอนด์เริ่มมีอาการหนักขึ้น ในตอนเดียวกันชายสามคนออกมาปรากฏตัวและบอกว่าต้องการตัว แฮมมอนด์ไปสอบถามอะไรบางอย่าง แฮมมอนด์คิดว่าทั้งสามจะฆ่าจนจึงชักมีดมากต่อสู้ขัดขืน แต่เสียงกระซิบ และอาการปวดหัวหนักขึ้นเรื่อยๆ แฮมมอนด์จึงใช้มีดพกปาดคอตนเอง ปล่อยให้ชายสามคนตะลึงกับสิ่งทีเกิดขึ้น


  

ส่วน DredgerCorp นั้นก็ส่งยานดำน้ำลงไปสำรวจหลุมอุกกาบาตที่มีสัญญาณผิดปกติ ระหว่างการขุดเจาะ คนขับทั้งสอง Hennessy และ Dante รู้สึกผิดปกติขึ้นเรื่อยๆ พวกเขารู้สึกปวดหัวและเฮเนซซี่เห็นภาพหลอนของพี่ชายที่ตายไปแล้ว (ชื่อ Shane) เชน แสดงอาการเจ็บปวดแสนสาหัส ก่อนที่ร่างของเชน จะระเบิดออก เป็นเวลาเดียวกันที่ดันเต้บังคับยานเจาะเอาตัวอย่างจาก The Marker มา

ในที่สุดเฮเนซซี่ ก็คลุ้มคลั่ง และสังหารดันเต้ก่อนใช้เลือดของดันเต้ วาดสัญลักษณ์ประหลาดไปทั่วในยานขุดเจาะ ขณะที่อากาศในยานลดลงเรื่อยๆ เฮเนซซี่วาดสัญลักษณ์ไปทั่วจนไม่เหลือที่ว่าง เขาจึงใช้ร่างของตนเป็นพื้นที่ในการวาดสัญลักษณ์ เฮเนซซี่บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดโดยวิดีโอ แล้วส่งมันออกไป มีผู้คนได้รับวิดีโอนี้มากมาย และในที่สุด เฮเนซซี่ก็ตายเพราะขาดอากาศหายใจ และยานขุดเจาะก็สูญหายไปจากการรวบรวมข้อมูลของวิดีโอที่ได้ถูกเผยแพร่ออกมานั้นอัลล์แมนได้แอบกระจายและส่งต่อวิดีโอเหล่านั้นภายใต้นามแฝง เพื่อไม่ให้ DredgerCorp ติดตามตัวมาถึงเขาและเป็นโชคร้ายสำหรับ Dredger Corp เนื่องจากอัลล์แมนตั้งใจจะเปิดเผยเป้าหมายที่แท้จริงของ DredgerCorp ด้วยการตั้งชื่อวิดีโอดังกล่าว โดยระบุเจาะจงว่าถูกถ่ายมาจากใต้สถานีของ DredgerCorp ตรงจุดศูนย์กลางของหลุมอุกกาบาต เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทเสียหายมากขึ้น DredgerCorp จึงตัดสินใจแถลงข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยบิดเบือนข้อเท็จจริง และปกปิดการมีอยู่ของ The Marker โดยบอกว่าเฮเนซซี่เพียงแค่เกิดอาการเสียสติ ขณะนำยานขุดเจาะออกทำการทดสอบ อัลล์แมนไม่เชื่อข้อแก้ตัวดังกล่าวจึงตัดสินใจสืบหาความจริงเพิ่มเติม ในขณะเดียวกัน DredgerCorp รู้ดีว่าสถานการณ์เกินกว่าที่ตนเองจะจัดการได้ จึงติดต่อกับกองทัพให้มาเป็นผู้ตรวจสอบและขุดเอามาร์กเกอร์ออกมาเพื่อทำการทดสอบ


  

Tanner ผู้ดูแลกิจกรรมส่วนใหญ่ของ DredgerCorp นั้นหลังจบการแถลงข่าว เขาก็มองเห็นภาพหลอน และก็ฆ่าตัวตายไปอีกคน ขณะเดียวกับ อัลล์แมนก็ถูกตำรวจสอบสวนถึงความเกี่ยวข้องของเขากับ แฮมมอนด์ที่ฆ่าตัวตายไป หลังจากนั้นไม่นาน แฟนสาวของเขาก็พา อัลล์แมน กับชาวา ไปดูซากสัตว์ประหลาดที่อยู่บนชายหาด ด้วยความสงสัยอัลล์แมน จึงขอให้มีการตรวจสอบบริเวณหลุมอุกกาบาตทั้งหมดอย่างละเอียด


 


จากการร้องขอของอัลล์แมน ทำให้เขาเป็นเป้าหมายของ DredgerCorp กับกองทัพ (ซึ่งทั้งสองฝ่ายแอบร่วมมือกันตั้งแต่แรกแล้ว) ทำให้มีเจ้าหน้าที่ของ DredgerCorp มาสอบถามข้อมูลจากอัลล์แมนเพื่อตรวจสอบว่าเขารู้ความจริงมากน้อยแค่ไหน ปรากฎว่าอัลล์แมนรู้เรื่องราวเพียงเล็กน้อย DredgerCorp จึงตัดสินใจให้อัลล์แมน เข้าร่วมทีมวิจัย  

เมื่อมาถึงสถานีวิจัยอัลล์แมน ค้นพบว่าเขาและแฟนสาว และนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญแทบทุกสาขาวิชาที่มีบนพื้นโลก นอกนั้นอัลล์แมน ยังได้รู้จักและสนิทสนมกับคนขับยานกู้ภัย Hendrick ที่จะเป็นคนพาพวกเขาไปเก็บกู้ยานขุดเจาะที่สูญหายไป (ยานที่เฮเนซซี่ฆ่าตัวตายนั่นแหละครับ) และเนื่องจากคู่หูคนขับยานของ Hendrick เกิดอุบัติเหตุ ทำให้อัลล์แมนบุญหล่นทับกลายเป็นคนขับยานคู่กับ Markoff หัวหน้าทีมวิจัยทางทหารเป็นผู้ควบคุมปฏิบัติการทั้งหมด




ถึงแม้สมาชิกทั้งหมดล้วนมั่นใจว่าจะไม่ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับพลขับสองคนก่อนหน้านี้ แต่ในที่สุดเฮนด์ริคก็เกิดอาการคลุ้มคลั่ง และพยายามฆ่าอัลล์แมนทำให้เฮนด์ริคถูกควบคุมตัวไว้ อัลล์แมนนำทีมเก็บกู้ซากยานขุดซึ่งภายในมีศพของ ดันเต้และ เฮเนซซี่ ได้สำเร็จ แต่ยิ่งไปกว่านั้น อัลล์แมนได้ถ่ายวิดีโอปลาซึ่งกลายพันธุ์ (กลายเป็นปลา Necromorph!!!) ซึ่งกำลังสังหารปลาตัวอื่นๆ รวมถึงแอบขโมยชิ้นส่วนของ The Marker และเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อประหลาดที่ปกคลุมรอบๆ เรือดำน้ำ อัลล์แมนมอบหมายให้นักวิทยาศาสตร์ของตนศึกษาเนื้อเยื่อดังกล่าว ส่วนอัลล์แมนก็ศึกษาชิ้นส่วนของ The Marker ที่ขโมยมา ส่วนเฮนด์ริคที่ถูกกักขังตัวไว้ในห้องพยาบาลก็ได้สังหารนางพยาบาลลง ก่อนที่จะถูกยิงตาย ทำให้อัลล์แมนเสียใจกับเหตุการณ์นี้มาก






  1. Red Marker-Marker 3A

Red Marker นั้น มันคือ Black Marker ตัวจำลอง วิธีการที่จำลอง Black Marker นั้นก็คือ ใช้วิธีการ "วิศวกรรมย้อนกลับ (Reverse Engineering)" การทำวิศวกรรมย้อนกลับ เปรียบเหมือนการสำรวจ ตรวจสอบ ขั้นตอนการทำงานทุกขั้นตอน แล้วนำมันมาสร้างใหม่ เป็นอันใหม่ ซึ่งนั้นก็คือ Red Marker




มีคนหลายคน (ส่วนใหญ่เป็นพวก Unitologist คือคนนับถือศาสนา Unitology) เชื่อว่า ตัวอักษรประหลาดบน Marker นั้น ทำให้เราสามารถเข้าใจถึงเรื่องลี้ลับ และชาติกำเนิดของมนุษย์ได้ (อารมณ์ประมาณว่า มนุษย์ต่างดาวรับรู้ถึงการมีมนุษย์ จึงเขียนเรื่องราวของพวกมนุษย์ลงบน Marker) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้มีคนบอกว่าเนโครมอฟเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆ ก็จริง หากแต่ Marker ต่างหากที่น่ากลัวกว่า ใครก็ตามที่เข้าใกล้หรือสัมผัสมัน จะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง เห็นภาพหลอนของคนที่ตายแล้ว เห็นเพื่อนมนุษย์เป็นเนโครมอฟหรือเห็นภาพหลอนจนฆ่าตัวตาย และแน่นอน เมื่อประสิทธิภาพมันแจ่มขนาดนี้ ไม่แปลกใจที่รัฐบาลโลกต้องการนำมันไปใช้ทดสอบ




Red Marker ที่ได้ทำการสร้างใหม่เสร็จสิ้นแล้ว ถูกนำส่งไปทดสอบที่ดาว Aegis VII โดยรัฐบาลโลกก็หวังว่ามันจะต้องใช้การเป็นอาวุธได้ดี แต่ทั้งนี้เริ่มเกิดปัญหาในการทดลองเสียแล้ว การทดลองใช้ Red Marker นั้นกลับทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมาก และเป็น DNA ที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ในธรรมชาติ สภาพแวดล้อมบนดาว (เรียกว่า Recombination DNA) ซึ่ง DNA แบบนี้คือพวกเนโครมอฟรุ่นแรกๆ การทดลองทั้งหลายทั้งปวงนั้นทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "The Hive Mind" บอสใหญ่ในตอนจบของเกม Dead Space ภาค 1 นั่นเองครับ







ท้ายที่สุด รัฐบาลโลก ก็เห็นว่าเป็นเรื่องอันตรายในการทดสอบ Marker จึงปิดตายฝัง Red Marker ไว้ในดาว Aegis VII และตั้งให้กลุ่มดาว Aegis ทั้งหลายปิดตาย ห้ามใครเดินทางผ่านเด็ดขาด
Red Marker นั้นมีอีกชื่อหนึ่งคือ Marker 3A ซึ่ง ข้อมูลนี้ก็พบได้จาก Log ในเกม Dead Space ภาคแรก Chapter 9 ที่เราต้องไปที่ยาน USM Valor ซึ่งจากชื่อ Marker 3A นี้ ทำให้เราสันนิษฐานได้ว่า อาจมี Marker มากกว่า 1 อัน แต่จะเป็นกี่อัน หรือที่ไหน ก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Dead Space History : จุดเริ่มต้นอวกาศมรณะ

Dead Space คือเกมแนว third-person survival horror action ที่พัฒนาโดย EA Redwood Shores (Visceral Games) สำหรับ PlayStation 3, Xbox 36...

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ